วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

แปลกแต่จริง!! เรียนสายวิทย์ ตกวิทย์ เรียนสายศิลป์ ตกเลข


รียกว่าเป็นปัญหาโลกแตกที่ไม่มีใครตอบคำถามได้ ว่าทำไม? เด็กไทยถึงได้สอบตกวิชาหลักๆ ในสายนั้น เช่น น้อง ก. เรียนสายวิทย์-คณิต แต่ตกวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ รวมไปถึงตกเลขเป็นประจำ ส่วนน้อง ข. เรียนสายศิลป์-คำนวณ ก็ตกวิชาเลขกับอังกฤษ ทุกเทอม ส่วน น้อง ค. เรียนศิลป์-ภาษา ก็ผ่านภาษาที่เรียนมาแบบฉิวเฉียดเบียดคะแนนต่ำสุดกันเลยทีเดียว
เด็กดีดอทคอม :: แปลกแต่จริง!! เรียนสายวิทย์ ตกวิทย์ เรียนสายศิลป์ ตกเลข

            ในสายตาผู้ใหญ่ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่เสมอ เพราะกลัวว่าลูกตัวเองจะเรียนไม่จบ เป็นเรื่องเลวร้ายที่สร้างชื่อ"เสีย"ให้กับวงศ์ตระกูล ส่วนในสายตาอย่างเราๆ กลับมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ใครๆ ก็ตกทั้งนั้น (เอาเข้าไป!!)

            อาการสอบตกบ่อยๆ ไม่เคยเจ็บแบบนี้ ทำให้น้องๆ หลายคนเริ่มพิจารณาตัวเอง ว่า
 เอ๊ะ! เราคงโง่เกินเรียนในสายนี้จริงๆ ล่ะมั้ง ถึงได้ตกซ้ำซาก แต่น้องๆ คงลืมนึกต่อว่า แล้วเราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเรียนอีกสายแล้วจะไม่สอบตกในวิชาอื่น... ซึ่งในเรื่องนี้ พี่มิ้นท์ได้ลองหาสาเหตุแล้วค่ะ ว่าทำไมเราถึงตกในวิชาที่ไม่สมควรจะตก

           ก่อนอื่น พี่มิ้นท์อยากให้น้องๆ เลิกคิดว่าตัวเองยิ่งเรียนยิ่งโง่ไปซะก่อน เพราะการศึกษาไม่มีทางทำให้คนโง่ลงหรอกค่ะ ไม่อย่างนั้นจะเรียนกันทำไม จริงมั้ย??  แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า พอเรียนสูงขึ้น เนื้อหามันก็ยากขึ้นและลึกขึ้นตามลำดับ จุดนี้แหละที่เป็นจุดเปลี่ยน เพราะถ้าพื้นฐานยังไม่เข้าใจ ก็อย่าหวังว่าของที่มันยากขึ้นจะเข้าใจ เช่น อาจารย์ให้ท่องตารางธาตุ ยังไม่ทันจะจำได้ว่าธาตุไหนอยู่ช่องไหน แต่ต้องเรียนสมการล้านแปดแล้ว สุดท้ายเราก็เรียนไม่ทัน เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ที่เราจะเกิดอาการมึนงง กับเนื้อหาใหม่ๆ ที่ยากขึ้น

          ข้ามมาที่สายศิลป์ ก็ตกภาษาอังกฤษกันเป็นประจำ อย่างแรกเราต้องยอมรับว่า เราเรียนสายนี้ ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์เป็นตัวชูโรง ดังนั้นสองวิชานี้เรียนหนักแน่นอน อย่างสายวิทย์อาจจะเรียนแค่ไวยากรณ์ตามหนังสือหลัก แต่สายศิลป์จะมีวิชาฟัง วิชาเขียน วิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ฯลฯ อีกมากมายที่สายวิทย์ไม่ได้เรียน เพราะฉะนั้นก็เข้าอีหรอบเดิมว่า ยิ่งเรียนลึกขึ้น สมองเราก็ตามไม่ทัน ดังนั้น ต่อให้เราเรียนสายไหนเราก็มักจะตกในวิชาสำคัญของสายนั้นนั่นเอง
          

เด็กดีดอทคอม :: แปลกแต่จริง!! เรียนสายวิทย์ ตกวิทย์ เรียนสายศิลป์ ตกเลข

         สรุปว่า ในแต่ละสายก็จะมีวิชาที่เน้นต่างกัน เมื่อเรียนเยอะ โอกาสตกจึงมีเยอะกว่า ส่วนวิชาที่ไม่เน้น ก็จะเรียนน้อย แถมง่าย จึงไม่ตกให้ปวดใจ         ดังนั้น อย่าปล่อยให้ปัญหานี้ลอยนวลค่ะ!!

         อย่างแรกเลย ก่อนตัดสินใจว่าจะเรียนสายไหน นอกจากจะต้องดูว่าจบมาเราอยากทำอะไรแล้ว ต้องหาข้อมูลด้วย เพราะเราจะต้องอยู่กับมันไปอีก 3 ปีเลยนะคะ โดยอาจจะถามรุ่นพี่ก็ได้ว่าสายนี้จะต้องเรียนอะไร เน้นอะไรบ้าง โหดมั้ยฯลฯ เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะเรียนสายไหน ก็ต้องทำใจยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เช่น เรียนสายศิลป์ จะต้องเจอวิชาอังกฤษ 6 คาบต่ออาทิตย์ เจอเลขทั้งเลขหลักเลขเสริม 5 คาบต่ออาทิตย์ ฯลฯ

         การรู้หน้าที่ตัวเอง เป็นการให้กำลังใจตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม เพราะถ้ารู้ว่าอนาคตข้างหน้า เราจะเจออะไรบ้าง คนที่มีความพร้อมก็จะวางแผนแล้ว น้องๆ ม.4 -5 ตอนนี้ก็ยังทันนะ ลองดูว่าอีกหน่อยเราจะได้เรียนวิชาไร แล้วเตรียมตัวเจอได้เลย
         อันดับต่อมาต้องมีความพยายาม ยิ่งรู้ว่ายิ่งเรียนก็ยิ่งยาก "ความพยายาม" จึงเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด บทเรียนไหนที่เป็นพื้นฐาน ต้องรีบทำความเข้าใจ เพราะอีกหน่อยพื้นฐานตรงนี้จะต้องเอาไปใช้กับการเรียนอีกทุกเรื่อง เรียกว่าเข้าใจแต่แรก คุ้มทั้งปีทั้งชาติ ส่วนใครที่ไม่เข้าใจ ก็ต้องรีบถามเพื่อน ถามอาจารย์ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป 
                     
เด็กดีดอทคอม :: แปลกแต่จริง!! เรียนสายวิทย์ ตกวิทย์ เรียนสายศิลป์ ตกเลข

          บทความนี้พี่มิ้นท์เขียนขึ้นเพื่อสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ ปัญหาที่ดูว่าแก้ยาก แต่ถ้าตั้งใจแก้จริงๆ โดยเริ่มต้นจากตัวเอง ก็สามารถแก้ได้ อย่าให้ความท้อ ความไม่เข้าใจ ทำให้ผลการเรียนเราแย่ และแอนตี้วิชาที่เราเรียนเลยนะคะ เพราะถ้าเรายิ่งแอนตี้วิชาพวกนี้เข้าไปอีก สิ่งที่ตามมาก็คือ ไม่ตั้งใจเรียนสุดท้ายก็สอบตกอีก เป็นวงเวียนไม่รู้จบ

         สอบตกตั้งแต่เทอมแรกยันเทอมสุดท้ายไม่เท่หรอกนะครับ :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น